top of page

เส้นทางที่ค้างคาของ "นักดูดฝุ่น"

May 17

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

44

0

Stardust Odyssey เป็นเกมที่เราเคยสัมผัสมาแล้วในฉบับย่อ ซึ่งจบภายใน 3 เทิร์น และไม่รู้ว่าโชคชะตาแกล้งหรืออย่างไร เพราะเมื่อกลับมาเล่นฉบับเต็มอีกครั้ง เราก็ยังได้เป็น “นักดูดฝุ่น” คนเดิม ความต่างมีเพียงเวลาเล่นที่ยาวนานขึ้น แต่ความรู้สึกค้างคาใจยังเหมือนเดิมเมื่อกิจกรรมจบลง


เกมฉบับย่อคือการเปิดประตูสู่โลกของ “เมืองสีฝุ่น” ครั้งแรก เราได้รู้จักตัวละครทั้งสี่ เห็นค่าสเตตัสตั้งต้นที่แสดงให้รู้เลยว่าใครคือใครในโครงสร้างสังคม ใจหนึ่งก็แอบรู้สึกดวงซวยที่ได้บทตัวละครที่ดูต่ำต้อยที่สุด แต่อีกใจก็อยากลองคว้าชัยชนะส่วนตัว เพราะถ้าชนะได้ เราคงได้แสยะอย่างสะใจ


ตอนแรกเรากังวลกับไพ่ที่หลากหลายและกติกาที่ดูซับซ้อนจากโบรชัวร์ แต่พอได้ลองเล่นจริง ก็เข้าใจระบบได้ตั้งแต่ตาแรก ตัวเกมแบ่งเป็นเฟสของกิจวัตร เช่น ทำงาน เดินเล่น เพื่อเพิ่มสถานะต่าง ๆ และมี ชัยชนะสองแบบคือ "ชัยชนะส่วนรวม" ที่ทุกคนช่วยกันปลดล็อกความง่ายในการเล่นเสมือนเพิ่มสวัสดิการให้กับเมือง และ "ชัยชนะส่วนตัว" ที่เป็นเป้าหมายเฉพาะของแต่ละตัวละคร


ในฉบับย่อ Game Master เลือกชัยชนะทั้งสองแบบมาเพียงอย่างละใบ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ทดลอง ซึ่งชัยชนะส่วนตัวที่ถูกเลือกมา คือ “เมืองสีฝุ่นแสนสุข” นั่นคือชัยชนะของตัวละครนักดูดฝุ่น ที่เราเล่นอยู่หากเป็นเกมฉบับเต็มนี่คือเป้าหมายที่เราตามหา


แต่แล้ว “นักสะสมดาว” หรือนายทุนที่เกิดมาด้วยค่าสถานะที่ดีที่สุดในเกม สามารถเริ่มทำงานในระดับที่สูงกว่าได้ ไม่จำเป็นต้องมานั่งขับรถเป็นไรเดอร์เหมือนเรา เขาสามารถคว้าความฝันของเราไปตั้งแต่ก้าวแรกในเมืองและจบเกมลงได้ทันที ทว่าด้วยความสงสัยของผู้เล่น เขายังอยากลองเล่นต่อเลยเลือกปลดล็อกชัยชนะร่วม ทำให้ทุกคนยังได้เล่นกันต่อ แต่ก็เหมือนไม่ได้เล่นเลยจริง ๆ เพราะในเฟสสุ่มเหตุการณ์ภัยพิบัติ เมืองของเราถูกพายุถล่ม และเรากับเพื่อนก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นมาชีวิตในเกมวนเวียนอยู่แค่ งานไรเดอร์ กับ กล่องหลับไหล (โรงพยาบาลในเกม) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยได้แตะต้องละอองดาวอีกเลย


ในเกมเต็ม เราได้ตัวละครเดิม แต่คราวนี้เรารู้แล้วว่าเกมทำงานอย่างไร จึงมุ่งสู่ชัยชนะส่วนตัวทันที สิ่งนี้มีอยู่ในหัวเสมอ แต่เพราะเรารู้ว่ามันไม่ง่ายหากไม่มีสวัสดิการในเมืองที่ดี ในเกมเต็มมีงานให้เลือกมากขึ้น เราเลือกงานโกยฝุ่นเป็นงานแรก ต้นเกมเราจึงทั้งดูดทั้งโกยฝุ่นในเมือง เราโฟกัสที่การทำงาน ประคองค่า Healthให้เหลือพอสำหรับทำงานต่อในตาหน้า ใช้เงินอย่างจำกัด


แต่ก็ซวยอีกครั้งเมื่อพายุถล่มเมืองตั้งแต่ตาแรก สิ่งที่ไม่อยากเชื่อกับตาตัวเองมีสองคือ ทำไมมันเดจาวูซวยซ้ำซ้อนได้ขนาดนี้ กับอีกอย่างคือนายทุนของเมืองกลับกลายเป็นคนช่วยเหลือเรามากที่สุด ทุกคนจำเป็นต้องแบ่งกันกู้เงิน และเรารู้ว่าเราไม่ควรกู้เยอะ เราไม่สามารถทำงานระดับ C เพื่อปลดหนี้ได้แน่ "นักสะสมละอองดาว"ผู้เป็นทุนใหญ่ กู้ให้ในปริมาณมากที่สุดในกลุ่ม แม้เราจะรู้ว่าเขาสามารถช่วยได้มากกว่านี้ แต่เขาอ้างว่า“ก็ช่วยเยอะแล้ว” ซึ่งในสถานการณ์นั้น เราก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรนัก เพราะถ้าเขาเลือกจะไม่ช่วย เราก็คงไม่รอด


ผ่านไปไม่กี่เทิร์น ทุกคนเริ่มเข้าใจว่า “ชัยชนะร่วม” เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้เกมง่ายขึ้น ทุกคนต่างออกความคิดด้วยกันในการปลดล็อกชัยชนะร่วมในทุกใบ เราได้สวัสดิการขนส่งสาธารณะที่ดี ราคาข้าวของถูกลง และการได้รับการจดจำ(ค่าสถานนะ Memory ในเกมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเล่น) แม้จะร่วมสร้างสวัสดิการเหล่านี้ร่วมกับทุกคน แต่ใจเรายังไม่เคยลืมเป้าหมายส่วนตัว


ในเวอร์ชั่นเต็ม เราได้รู้จักระบบใหม่ "เพื่อนร่วมทาง" เมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ จะได้พบตัวละครที่อาจเป็นเพื่อนใหม่ ซึ่งบางคนก็ดี บางคนก็ไม่น่าคบ แต่ต้องรักษาความสัมพันธ์ไว้เพื่อผลประโยชน์ จนมาเจอเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็นครูที่หลังการ์ดมีบทพูดว่า “ผมจับพวกนอกคอกไว้" และคำพูดอื่น ๆ ที่เราจดไม่ได้แต่รับรู้ว่าเขาภูมิใจในสิ่งที่ทำ เราสะดุดระหว่างอ่าน เพราะเราพอจะเข้าใจว่าเขาแทนใครหรืออะไรเหุการณ์อะไรในสังคม ต่อให้เขามีประโยชน์แค่ไหนก็ทำใจเป็นเพื่อนไม่ได้จริง ๆ


อีกหนึ่งประโยคที่สะกิดต่อมความหมั่นไส้ ไม่ใช่จากการ์ดตัวละครแต่เป็นผู้เล่นที่ได้เป็นนักสะสมละอองดาว(นายทุนของเมือง) กับคำพูดที่ว่า “พอได้ปลดล็อกชัยชนะร่วม มันก็กระชุ่มกระชวยดีนะ” น้ำเสียงหวาน ๆ บวกกับท่าทีรื่นรมย์บนโต๊ะ จังหวะนี้เขาขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะแล้ว จริง ๆ ก็อยู่ในท่านั้นมาสักพักแล้วด้วย ขณะเราเงยหน้ามองคนพูดเรากลับรู้สึกว่าเรากำลังรับบุญบารมีอันยิ่งใหญ่

มันไม่ควรจะรู้สึกอย่างนี้สิ

เราดีใจที่ได้สวัสดีการมีชีวิตที่ง่ายขึ้น ทุกคนจะได้รับโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวที่เท่ากัน

เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โอกาสนั้นมาถึง ถึงจะส่วนเล็กน้อยที่ออกเงินกับเสียงได้นิดหน่อยก็ตาม

แต่ทำไมก็ไม่รู้ประโยคนั้นทำให้เจ็บใจนิด ๆ


ท้ายที่สุด เกมของเราก็ไปไม่ถึงบทสรุป เพราะเสียเวลาไปกับการถกเถียงเยอะเกินไป จบที่เทิร์นที่ 5 ทั้งที่เรามั่นใจว่าในเทิร์นถัดไป เราจะปลดล็อกชัยชนะส่วนตัวและเป็นคนเดียวที่ชนะเกม แต่ก็ค้างคาอยู่ตรงนั้น


ถึงอย่างนั้น เราก็รู้ว่า เราอยากเล่นอีกแน่นอน สนุกมาก ทั้งบันเทิง และทำให้เราเห็นโครงสร้างบางอย่างในสังคมชัดขึ้น และถ้าครั้งหน้าได้เป็นนักดูดฝุ่นอีกก็จะลองวิธีใหม่ จะลองกู้เงินซื้อของกินของใช้อัพค่าสถานะตัวเองให้เหนือนายทุนตั้งแต่ต้นเกมเลยดูสิจะเป็นไง

May 17

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

44

0

โพสต์ที่คล้ายกัน

ความคิดเห็น

แชร์ความคิดเห็นของคุณเชิญแสดงความคิดเห็น คุณคือคนแรกที่แสดงความคิดเห็นที่นี่
nrct logo_edited.png

This research project is funded by National  Research Council of Thailand (NRCT)

(April 2023- October 2025)

bottom of page